JK-201023-02
MONEY RICH 88
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 34 ยิงปลา
หลังจากอาหารเช้าแล้วเราต้องรอเวลาอยู่จนแสงสว่างพอและลมสงบลงจึงได้ออกเดินทางโดยมีไลสงพร้อมด้วย ดร.สมิทขี่หลังนำหน้าต่อมาก็ไมรา สมิท แล้วก็ถึงข้าพเจ้า ตาเกิ้น ร.อ.เรือง พ่อเฒ่าหัวหน้าบ้านเผโบมา ลูกสาวของแกและลูกหาบทั้ง 5 คน
เป็นที่น่าอัศจรรย์แต่มันก็เป็นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเราเห็น ไลสงพา ดร.สมิทผู้หนักกว่าเขาเกือบสองเท่าปีนป่ายขึ้นไปตามไหล่เขาที่ลื่นและชันอย่างแคล่วคล่องว่องไวในขณะที่พวกเราตัวเปล่ามีแต่ปืนคู่มือกระบอกเดียวกว่าจะขยับได้แต่ละก้าวต้องคอยเลี้ยงตัวแล้วระวังตัวเล่าเพื่อมิให้พลัดตกไปในชะวากผาข้างล่างได้
ตลอดชั่วโมงแรกเต็ม ๆ เราไม่มีโอกาสจะพิจารณาภูมิประเทศข้างล่างและรอบ ๆ กายได้เลยนอกจากตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับหินทุก ๆ ก้อน และกอไผ่ทุก ๆ กอที่พอจะจับและยันกายขึ้นไปตามทางแคบนั้นแต่ทันใดที่ก้าวเหยียบถึงพื้นที่ราบตอนบนและพักจนหายหอบหืดแล้วลุกขึ้นยืนหันไปดูรอบ ๆ กาย ต่างก็ตะลึงไปด้วยความสวยงามของภูมิประเทศที่ปรากฏอยู่แก่ตาอย่างเหลือที่จะพรรณนาได้
ตรงหน้าเราออกไปเป็นพื้นที่ราบอันไพศาลปกคลุมไปด้วยป่าสนอันหนาแน่นและหนองเล็กหนองใหญ่ซึ่งน้ำอันใสแจ๋วเป็นประกายอยู่กลางแสงแดดกล้า ทางซ้ายและทางขวาเป็นทิวเขาสูงกระหนาบอยู่เหมือนกำแพงกั้น บนทิวเขาเหล่านั้นอาคาษไปด้วยสีต่าง ๆ ของดอกไม้ป่าเหนือขึ้นไปบนท้องฟ้าประดับไปด้วยเมมเกล็ดสีเหลืองม่วงและแดงระคนกัน ไมรา สมิทยืนนิ่งอยู่นานก่อนจะสูดลมหายใจแรงและพึมพำว่า ยิงปลา
“ฉันรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่นี่มาจากแห่งใดแห่งหนึ่งแน่แต่จะเป็นที่ไหน? เมื่อไร? จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย โอ! นึกออกแล้วคุณสาก คืนหนึ่งระหว่างที่เราพักอยู่ใน Lost Jungle นั่นเอง ฉันฝันว่ามาที่นี่เห็นป่าสน หนองน้ำและทิวเขาสองข้างอย่างที่เราเห็นอยู่เวลานี้ เพียงแต่ไม่มีใครนอกจากฉันคนเดียวแล้วก็...ก็พวกนั้น!”
“ใครกัน แหม่มไมรา?” ข้าพเจ้าถาม
ไมรา “พวกคนป่าที่แย่งชิงฉันเพื่อให้เป็นนางพญาของเขา พวกนาคาเผ่าเชียมิ พวกจิรีกับชาวเขาที่จับเอาไลสงไปทรมาน”
ข้าพเจ้า “ต่อไป แหม่มไมรา บอกฉันว่าแหม่มฝันว่าอย่างไรอีก”
ไมรา “ทุกคนต่างฉุดกระชากตัวฉันไปฝ่ายหนึ่งจะให้ไปข้างเหนือ อีกฝ่ายดึงไปข้างใต้ฝ่ายหนึ่งฉุดไปทางทิศตะวันตกอีกฝ่ายลากไปทางทิศตะวันออก ลงท้ายตัวฉันก็ฉีกออกเป็นสี่เสี่ยงแล้วส่วนที่มีหัวใจก็ถูกลากถูลู่ถูกังไปตามพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยกอหญ้านุ่มเหมือนพรมปกคลุมไปด้วยดอกไม้ที่ขึ้นสะพรั่งจนกระทั่งถึงหน้าผาสูงเหมือนห้วยซึ่งน้ำไหลแรง แล้วก็ถูกจับโยนลงไปขณะที่ลอยอยู่ในอากาศนั่นเอง ฉันเงยหน้าขึ้นดูก็รู้ตัวจำได้ว่าคนที่โยนฉันลงไปเป็นใคร?”
ข้าพเจ้า “ต่อไปอีกแหม่มไมรา คน ๆ นั้นเป็นใคร” ยิงปลา
“ไลสง!” ไมรากระซิบ “แต่แปลกเหลือเกินคุณสาก หน้าของไลสงเป็นคนแต่หัวเป็นเสือ”
ทุกคนได้ฟังก็เงียบกริบไม่มีเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงถอนใจขัด ๆ อยู่ในคอของตาเกิ้น ไมรา สมิท เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ “ฉันคิดแล้วว่า เรื่องเหลวไหลของฉันจะทำให้ทุกคนระแวงไลสงไป แต่ทำไมไปเอานิยายกับความฝัน นอกจากนั้นตามประเพณีและความเชื่อของชาวนาคา คนที่ฆ่าเราในฝันนั้นแหละคือผู้ที่จะเป็นมิตรเราในชีวิตจริง”
ตลอดเวลาตาเกิ้นนิ่งโดยไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเลย จนกระทั่งเราผ่านป่าสนและห่างจากคนทั้งปวง แกจึงหันมาหาข้าพเจ้า ยิงปลา
“นายได้ฟังแหม่มเล่าความฝันแล้วรู้สึกอย่างไร?” ข้าพเจ้า “ก็เหลวไหลอย่างความฝันทั่วไปนั่นแหละตาเกิ้น”
ตาเกิ้น “ถ้าเหลวไหล ทำไมแหม่มจำได้เมื่อเจอะไลสงทีหลัง? ถ้าเหลวไหลทำไมฝันของแหม่มจึงเห็นเขาเป็นเสือ?”
ข้าพเจ้า “ใครจะไปรู้ได้ อะไร ๆ อาจแทรกเข้ามาได้ทั้งนั้นในฝันของเรา ความหลังครั้งเก่า ๆ ความทรงจำที่ติดมาจากเรื่องราวที่เคยได้ยินได้ฟังและบางทีก็ความคิดที่วาดภาพไปเองแล้วบังเอิญมาพ้องกันเข้า”
ตาเกิ้นพยักหน้าแต่ข้าพเจ้ารู้ว่าแกไม่เชื่อเลยจนนิดเดียว เราออกเดินทางตามหลังไลสงและ ดร.สมิทไป ผ่านป่าสนใหญ่อีกหลายป่าลำธารตื้น ๆ อีกหลายสายก่อนที่ตะวันจะตกบ่ายก็มองเห็นควันไฟลอยอ้อยอิ่งอยู่ที่เนินเขาข้างหน้า ยิ่งใกล้เข้าไปก็ปรากฏว่าสิ่งที่เราเข้าใจว่าเป็นสุมทุมพุ่มไม้ดาดาษอยู่ตามมอต่าง ๆ นั้น อันที่จริงล้วนแล้วแต่เป็นกระท่อมโรงเรือนซึ่งมีผู้คนอยู่อาศัยทั้งสิ้น
ไลสงหยุดอยู่ที่เนินสูงแห่งหนึ่งเหนือมอเหล่านั้น พลางหันมาส่งภาษาบอกไมราเร็วปรื้อ ไมราอธิบาย
“ไลสงว่านั่นแหละหมู่บ้านของเขาอีกประเดี๋ยวเราก็จะถึงที่นั่น บางทีเย็นพรุ่งนี้หัวหน้าบ้านซึ่งเป็นพ่อของเขาคงจะจัดให้มีงานต้อนรับเรา”
ตาเกิ้นหันมาสบสายตากับข้าพเจ้าพึมพำเบา ๆ ว่า ยิงปลา
“ถ้าทุกคนที่นี่เป็นอย่างเขา ลูกหาบของเราทุกคนตลอดจนนาย ตาเกิ้น คงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์พรุ่งนี้อีกต่อไป”
ไมรา “บาบูนว่าอะไร พึมพำเหมือนหมีกินผึ้งฉันไม่ได้ยิน
ตาเกิ้น “ตาเกิ้นว่าสิ้นสุดกันที่สำหรับความยากลำบากของเรา แหม่มเองก็จะได้อาบน้ำสบายต่อไป”
ขณะที่เราใกล้หมู่บ้านนั้นเข้าไป ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่ปรากฏว่าเงียบผิดปกติ ไม่มีหน้าใครโผล่ออกมาจากประตูบ้าน ไม่มีแม้แต่สุนัขจะวิ่งเพ่นพ่านเห่าต้อนรับหรือไก่จะคุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่ในระยะที่สายตาจะมองเห็นทุกหนทุกแห่งเหมือนปราศจากคนอยู่ จนกระทั่งถึงประตูโรงเรือนใหญ่บนมอเตี้ย ๆ แห่งหนึ่งซึ่งทำเป็นรูปเรือสำเภามุงด้วยหญ้าคาหันหน้าไปสู่หุบเขาที่เขียวชอุ่มอยู่ข้างล่างจึงแลเห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่