JK-201011-06
MONEY RICH 88
หุ่นไล่นกกาตอนที่ 2 slot
จิ้วมาไก ที่ยืนอยู่ด้านข้างเจินหู ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลไม่น้อยไปกว่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่เขายังคงยืนตัวตรงไม่สั่นไหว slot แม้ร่างกายจะไม่เต็มไปด้วยมัดกล้าม แต่กับดูเหมือนขุนเขาที่กว้างใหญ่หนักแน่นมั่นคง
“พี่รองข้าขอโทษด้วย…ที่ทำให้ท่านต้องมาลงเอยโดนต้องโทษเช่นนี้” จิ้วมาไกคนกล่าวเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เจินหู ส่ายหัวไปมาแบบเบา ๆ แล้วหัวเราะเสียงดัง ความสับสนโกรธแค้นเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิด ในแววตาหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แต่เพียงความกล้าแกร่งที่ไม่เกรงกลัวต่ออันตรายใด
“ไร้สาระน้องเล็ก ข้าจะโทษเจ้าได้ยังไง พวกเราคือพี่น้องกัน”
จิ้วมาไก กำหมัดแน่นมาก ในใจของเค้าซาบซึ้งเหล่าพี่น้อง slot ที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาเกือบร้อยปี
เจินหู เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วปากก็พูดลำรึกความถึงหลัง ไม่สนใจผู้คนที่ล้อมรอบอยู่ใต้ตีนเขาแม้แต่น้อย
“ น้องเล็กเอ้ย ยังจำได้ไหมว่าในวันที่พวกเราสี่คนนั้นพบกันครั้งแรก พี่ใหญ่ที่ชอบทักทายไปมั่วซั่ว ได้บอกพวกเราว่า พวกเราสี่พี่น้องพบเจอกันมาด้วยโชคชะตาที่ดี ที่ชักนำให้พวกเราก้าวไปสู่จุดสูงสุดของโลกใบนี้ ในอนาคตพวกเราจะต้องเป็นเทพยุทธ์ที่ผู้คนในโลกและห้วงมิติต่าง ๆ เคารพนับถือ”
“ ข้าจำได้ ” จิ้วมาไก นึกถึงวันแรกที่เขา เข้ามหาวิทยาลัยเจียนจู วันที่เขาเข้าห้องพักนักศึกษา ชายอ้วนกลมราวกับโอ่ง ที่เรียกตัวเองว่าพี่ใหญ่ อยู่ ๆ ก็ทำนายขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้พวกเขาต่างต้องหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลังอยู่เสียหลายวันเลย
“ฮ่า ๆ ตอนนั้นข้าก็ไม่เชื่อ จนกระทั้งวันที่เจ้าสูญเสียตำหนักยุทธพวกเราไปต่างก็คิดกันว่าเจ้าต้องจบสิ้นไปแล้ว แต่ใครจะคิดว่าในเวลาไม่ถึงครึ่งปี เจ้าจะสามารถกลับมาบ่มเพาะตำหนักยุทธกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง และใช้เวลาสิบปี กลายเป็นผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณ ปรมาจารย์ระดับเงิน ชีวิตพลิกพลันกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม จนเราสามพี่น้องต้องพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อไม่ให้ถูกเจ้านำหน้าไปไกล
พวกเราสี่คนฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายนัก จนทำให้เราแข็งแกร่งมากกว่าพวกที่เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะที่เคยดูถูกดูแคลนพวกเรานั้นอีก และก่อตั้งสำนักแปลงสวรรค์ เป็นสำนักที่ผู้คนมากมายต่างเคารพนับถือและยอมรับกันมาก พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไป 90 ปีแล้ว
พี่ใหญ่ของเราเป็นผู้บ่มเพาะปราณนภาที่เก่งที่มีพลังมากที่สุดสำหรับพวกเราสี่พี่น้อง
ข้าอยู่ในจุดสูงสุดของปราณปฐพีแล้ว slot แค่กินโอสถทะลวงนภา ที่เจ้าต้องใช้ความพยายามหลายปีเพื่อคิดค้นสูตรโอสถและหาสมุนไพรหลอมโอสถให้กับข้านั้น ข้าก็สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะปราณนภาได้
น้องสามแม้การบ่มเพาะของเขาจะต่ำต๋อยที่สุดในหมู่พวกเรา แต่ด้วยความฉลาดและ เจ้าเล่ห์นั้น… ในเส้นทางการบ่มเพาะ ด้วยความสามารถพวกนี้ เจ้าจะต้องก้าวหน้าต่อไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่ถูกขัดจังหวะอย่างแน่
ส่วนเจ้า น้องเล็กตอนนี้เจ้านั้นเป็นปรมาจารย์ระดับทองดำ และสำเร็จการบ่มเพาะปราณปฐพีระดับกลาง อนาคตข้างหน้าข้าคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะเก่งขนาดไหน
ถ้าให้เวลาพวกเราอีกไม่เกิน 20 ปี ไม่สิแค่ 10 ปีก็พอ คำทำนายของพี่ใหญ่นั้นจะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน ความสำเร็จของพวกเราจะต้องยิ่งใหญ่มากกว่า พวกสำนักดั้งเดิมทั้งหลาย ที่ผูกขาดซ่งแหล่งทรัพยากรต่าง ๆ เป็นของตนเอง ทำให้ผู้บ่มเพาะสามัญเช่นพวกเราต้องเผชิญหน้ากับการบ่มเพาะด้วยความยากลำบากยิ่งนัก” slot
เจินหูพูดอย่างเหม่อลอย และเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างยิ่งแต่โศกเศร้ายิ่งนัก ผู้คนที่รุมล้อมเค้าอยู่ต่างก็สัมผัสถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะตายของอีกฝ่าย จูเหงิน หลับตานิ่งทำและเหมือนไม่ได้ยิน แต่ในใจของเค้าเต็มไปด้วยความปวดร้าวไม่แพ้กันกับพี่ใหญ่เลย ความฝันในวัยเยาว์ของพวกเขาทั้งสี่พี่น้อง ที่แม้จะไม่เกิดมาร่วมสายโลหิต แต่ความสัมพันธ์นั้นหนักแน่นยิ่งกว่าพี่น้องร่วมสายโลหิตสะอีก หัวใจที่เย็นชานั้นก็ต้องแตกสลาย กลายเป็นเศษซาก
ข้าขอโทษ… สองมือของจูเหงินกำแน่นจนเลือดชุ่ม
จิ้วมาไก ตัวสั่นสะท้านมาก เทพยุทธ์ ความฝันของผู้บ่มเพาะทุกคนบนโลก อีกแค่ระยะทางสั้นๆเท่านั้นเอง
เขาถอดถอนหายใจยาวยืด กวาดตามองผู้คนที่ยืนล้อมพวกเขาทั้งสองอยู่
“เลิกยกข้ออ้างทั้งหมดที่พวกเจ้าปั้นปรุงแต่งมาพูดเถอะ ข้ารู้เหตุผลของพวกเจ้าดีที่ทำลายสำนักของข้าและพยายามทำให้พวกข้าจนตรอกไม่มีทางสู้ slot แต่ไม่ลงมือสังหารข้าเสียที พวกเจ้าคงไม่อยากให้ข้าตาย ก่อนที่เจ้าจะได้สิ่งที่อยู่กับข้าสินะ”
จบคำบรรดาแล้วผู้คนในระดับสูงของสมาพันธ์เก้าคุณธรรม ต่างก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันไปอย่างไม่อาจห้ามปราม
“ค็อก ๆ แค่ก ๆ” จ้าวอี๋เจียน ส่งเสียงไอเบาๆ ผู้คนที่ได้ยินก็รีบเก็บสีหน้าทันที
“ผู้อาวุโสจิ้วมาไก ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านเป็นที่เคารพนับถืออย่างมากของผู้คนจำนวนไม่น้อย ข้าจึงไม่อาจจะสังหารท่านได้ แต่ข้าจำเป็นต้องจับตัวท่านไปคุมขังไว้เท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดอีกแล้ว”
จิ้วมาไก ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา เขาหันกลับมาสบตากับเจินหู และอีกฝ่ายพยักหน้ารับด้วยสีหน้า เรียบเฉยและมีความเยือกเย็นเตรียมพร้อมที่จะตาย
“แม้พวกเรานั้นจะไม่ได้เกิดมาใน วัน เดือน ปี เดียวกัน แต่อย่างน้อยพวกเราสามคนนั้นก็ยังได้ตายวันเดียวกัน” จิ้วมาไก พึมพำเสียงดังพอให้ได้ยินแค่ไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น
“ฮ่าๆ น่าเสียดายยิ่งนักที่ข้าไม่มีคนเคารพสุราปรภพแบบท่าน” เจินหูหัวเราะเสียงดัง
จิ้วมาไก ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรอีกต่อไป ปราณปฐพีรอบกายพุ่งทะยานท้วมทับผืนฟ้า
กลุ่มคนที่ล้อมรอบนั้นต่างก็ใบหน้าเปลี่ยนสีไปย่างสิ้นเชิง
เจินหูเร่งพลังปราณปฐพีที่มี กึ่งกลางหน้าผากของเขามีรอยสักเป็นลายของพยัคฆ์สีทอง 8 ตาปรากฏขึ้นมา รอยสักคล้ายกับมีชีวิต มันจ้องเขม่งมองคู่ต่อสู้อย่างดุดันทรงพลังมาก
ในตอนนั้นเองด้านหลังของเจินหูก็มีเงาร่างปรากฏ slot อวตารพยัคฆ์ทองคำ 8 เนตร สูงใหญ่มากเกือบ 50 เมตร ทันทีที่เนตรสีแดงเลือดแต่ละข้างลืมตาขึ้นมา แผ่นดิน อากาศ หมู่เมฆ ต่างก็กรีดร้องจนน่าหวาดกลัวกันเลย เมื่อเนตรทั้ง 8 ลืมตาขึ้นพร้อมกัน ก็มีคลื่นพลังกดขี่อันทรงพลังกดทับลงมาใส่ผู้คน จนคนที่มีฐานการบ่มเพาะอ่อนแอต่างกระอักเลือด บางคนหมดสติไปอย่างง่ายดายกันเลยทีเดียว
“ลาก่อนนะน้องเล็ก ข้าขอตามพี่ใหญ่ไปก่อนละกัน” เจินหูส่งยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายของเข้า ใบหน้าของเขาในตอนนี้ไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิง จิ้วมาไก ยิ้มโศกเศร้า ปากพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา ว่า
“ไม่นานข้าจะตามท่านไป”