JK-201015-02
MONEY RICH 88
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 20 ยิงปลา
ทันใดที่เหตุการณ์สงบลง ไมรา สมิท ก็ผละจากสามีของหล่อนปราดกลับมาที่เก่าเข้าไปเอากล้องถ่ายภาพยนตร์และไฟฉายขนาดใหญ่ออกมาตั้งบันทึกภาพงูตัวนั้นไว้อย่างถี่ถ้วนพลางถอนใจหันไปบอกกับสามีซึ่งตามมายืนอยู่ข้าง ๆ ว่า
“ตั้งแต่เธอสำรวจแผ่นดินต่าง ๆ มา เคยเห็นอย่างนี้บ้างไหม ทอม?”
ดร.สมิท “โน, ไมเดียร์, มันใหญ่เสียจนไม่รู้ว่าจะเทียบกับอะไรได้ ใหญ่กว่าอนาดอนคาในป่าแม็คโตกร้อสโซ่สัก 10 เท่า ทำไมถึงไม่มีใครในพวกเราเห็นเมื่อหยุดพักก่อไฟ” ยิงปลา
ตาเกิ้น “นึกว่ามันเป็นขอนไม้ที่ล้มขวางทางอยู่น่ะนายห้าง จนกระทั่งไฟร้อนขอนไม้ดิ้นได้ เราจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ขอนไม้ พ่อเฒ่าว่าคราวพ่อเฒ่ามากับพ่อของพ่อเฒ่า เจองูใหญ่กว่านี้ยาวกว่านี้ด้วยซ้ำไป”
ข้าพเจ้า “ดีละ, ต่อไประวังหน่อย ไม่งั้นจะเจอแต่งู ไม่รู้ว่าพ่อเฒ่ากะตาเกิ้นหายไปไหน?”
ตาเกิ้น “อย่าพูดยังงั้น นาย, ใจตาเกิ้นไม่สบายนึกถึงคราวถูกงูใหญ่กลืนในถ้ำตอนไปล่าอ้ายงาดำขึ้นมาทีไรเสียวสันหลังทุกครั้ง”
ดร.สมิท พิจารณาดูหลังและศีรษะของมันอยู่นานก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่าเป็นงูอะไรดูไปพึมพำไปตลอดเวลาว่า
“ไม่ใช่งูเหลือม ไม่ใช่อนาดอนคา เป็นงูอีกชนิด ลักษณะไม่บอกว่าจะมีพิษแต่ถ้าถูกมันรัดถึงช้างก็เห็นจะขาดกลาง”
งูตัวนั้นเป็นเหตุให้เราเพิ่มความระมัดระวังขอนไม้ที่จะข้ามทุกขอนและตอไม้ที่จะนั่งทุกตอตลอดการเดินทางต่อไป ในวันต่อมาเราพบเต่าขนาดเท่ากระดังฝัดข้าวหลายตัวเดินยั้วเยี่ยะอยู่ที่ก้นห้วยลึกและทากที่พ่อเฒ่าเคยเห็นแต่แรกก็เริ่มรบกวนหนักแต่ละตัวมิใช่ขนาดใหญ่เท่าปลิงควายหรือหัวแม่มือเท่านั้น หากลงได้เกาะเข้าที่ไหนภายในไม่ถึงอึดใจแทบจะก้าวไม่ออกทีเดียวเพราะความเสียวจากแผลที่มันดูดและโลหิตที่เสียไป อย่างไรก็ดีภายหลังที่ไมราจ่ายยาซึ่งเตรียมมาให้ทาตัวกันทั่วทุกคน ปัญหานี้ก็หมดไป
ในเช้าวันที่ 2 นั่นเอง เมื่อตื่นนอนทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อแลเห็นแสงแดดส่องสว่างกว่าทุกวันมาเป็นครั้งแรกใน 3 วันที่อยู่ใน ยิงปลา
ป่านั้น เรามองเห็นท้องฟ้าสีครามปรากฏอยู่ระหว่างยอดไม้ซึ่งค่อยห่างเข้าและฝนซึ่งเคยพรำตั้งแต่เช้าจนค่ำก็หยุดสนิท เป็นครั้งแรกที่จะมองไปทางไหน รู้สึกชีวิตมีค่าขึ้นเพราะเสียงนกที่ร้องไพเราะและสีสันของผีเสื้อขนาดใหญ่บินว่อนอยู่ในอากาศ กลิ่นอันอับและชื้นของพื้นดินก็หายไป มีแต่กลิ่นดอกไม้ป่าหอมตลบอบอวล
ดร.สมิท ปราดออกไปจากเต็นท์ของเขากางแขนออก สูดอากาศตอนเช้าเข้าไปเต็มปอดพลางร้องว่า
“เรารอดแล้ว ไมรา! จะพบพวกคาเชียมิหรือไม่พบไม่สำคัญขอให้ฉันเห็นแสงแดดอย่างนี้ ได้ยินเสียงนกเสียงชะนีอย่างนี้ก็แล้วกัน”
เขาวิ่งขึ้นไปบนเนินเต้นอยู่กลางแสงแดดที่ส่องเป็นลำลงมาตรงบริเวณนั้นอย่างร่าเริงเหมือนเด็ก ๆ หรือคนบ้า หันมาร้องถามภรรยาว่า “มาดูอะไรนี่แน่ะ ไมรา! มาดูดอกไม้ประหลาดที่เธอไม่อาจดูได้อีกในโลกนี้”
ก่อนที่ไมรา สมิท จะเข้าไปในเต็นท์ เพื่อหยิบกล้องภาพยนตร์ ตามความเคยชินของหล่อนและหวนกลับออกมา ดร.สมิท ก็วิ่งออก หน้าลงสันเนินหายลับไปแล้ว ข้าพเจ้ามิได้สนใจในความเคลื่อนไหวของสามีภรรยาคู่นี้มากมายอะไรไปกว่าเห็นเป็นความตื่นเต้นยินดีของผู้ที่ผ่านจากการใช้ชีวิตอันแสนวิบากอยู่ในป่าทึบออกมาสู่แสงสว่างของโลกภายนอก และกำลังหันไปบอกกับ ร.อ.เรืองเช่นนั้น ก็พอดีได้ยินเสียงปืนลั่นขึ้น 1 นัด เสียง ดร.สมิท ร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจ ต่อมาก็เสียงไมราตะโกนเรียกข้าพเจ้า ยิงปลา
“ช่วยด้วย คุณสาก ช่วยเร็ว คุณหมอกำลังจะตาย!”
ข้าพเจ้ากระโดดลุกขึ้นจากที่นั่งทันที คว้าไรเฟิลแฝด คู่มือได้ก็วิ่งตรงไปทางเสียงนั้นโดยเร็ว ร.อ.เรือง ตาเกิ้นและคนอื่น ๆ ก็วิ่งตามไป แต่ทันใดที่ถึงสันเนิน ซึ่งไมรา สมิท ยืนตะลึงอยู่ สายตาหล่อนที่มองดูภาพอันปรากฏอยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ถึง 10 หลา เบิกโพลงและเหลือกลาน ทุกคนก็หยุดชะงักเย็นวาบไปตามไขสันหลังจนขนลุกเกรียวทั้งตัว
เราคิดว่าภาพที่ไมรา สมิท เห็นจะเป็นสัตว์ร้ายหรือคนป่าเผ่า หนึ่งเผ่าใดกำลังคุกคามจะเอาชีวิตสามีของหล่อนอยู่แต่ความสยดสยองของมฤตยูที่กำลังจะคร่าวิญญาณของ ดร.สมิทไปในขณะนั้น ตลอดจนความน่ากลัวของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและสิ่งแวดล้อมของสถานที่อันคมกระเหิมทำให้แม้ฝันร้ายที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้าดูซีดจางไป เมื่อเทียบกับความน่าขนพองสยองเกล้าของภาพที่ปรากฏอยู่แก่ตาเราในปัจจุบัน ยิงปลา
สิ่งแรกที่เรารู้สึกขณะที่วิ่งไปถึงบริเวณนั้นก็คือกลิ่นหอมเอียน ๆ อย่างน่าเวียนหัวกลิ่นดอกสำโรง กลิ่นดอกส่าเหล้าซึ่งฟุ้งตลบทั้งป่า ชวนให้หน้ามืดและตาลายเหมือนคนเมาต่อมาสายตาของข้าพเจ้าจึงกระทบกับสีแดงของกลีบ และสีเหลืองเข้มของเกสรดอกไม้ยักษ์ดอกนั้นพร้อมด้วยอาการดิ้นขวักไขว่ของมือและเท้าทั้งสองของ ดร.สมิท ผู้หมด กำลังลงทุกที ลักษณะของมันจะเป็นดอกบัวก็ไม่ใช่จะว่าเป็นดอกบกหรือดอกว่านอะไรที่ข้าพเจ้าเคยพบเห็นมาจากป่าต่าง ๆ ก็ไม่เชิง ชูก้านขนาดเท่าข้อมือสูงขึ้นมาจากกออันปกคลุมไปด้วยใบลักษณะเหมือนใบกระดาษ ขนาดของมันใหญ่ไม่น้อยไปกว่าร่มเชียงใหม่หรือพม่าสิ่งที่น่าหวาดเสียวที่สุดและแปลกประหลาดที่สุดก็คืออาการสะท้านหวั่นไหวของมันตั้งแต่ลำต้นและกลีบที่หุบเข้าราวกับพยายามจะบดบี้ ดร.สมิท ให้แหลกเป็นผง