money6
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 38 ยิงปลา
“บอกตาเกิ้นหน่อย นาย ทำไมเสือจึงกลายเป็นเสือ?” ข้าพเจ้าได้ฟังก็หัวเราะ “อ้าว, ตาเกิ้นจะให้มันกลายเป็นอะไรไป? หนู? หรือแมว?”
ตาเกิ้น “ตกลงนายก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเองว่าเสือกลายเป็นคนหรือคนกลายเป็นเสือได้?”
ข้าพเจ้า “ก็จะให้ฉันเชื่อได้ยังไง ในเมื่อเสือมันกลายเป็นเสือเห็นอยู่โทนโท่อยู่ยังงี้”
ตาเกิ้น “บางทีอ้ายตัวจริงมันยังไม่มา”
ขณะนั้นเองแกก็หยุดพูดหันหน้าไปทางพุ่มไม้เบื้องล่างซึ่งมืดสลัวแล้วก็หันกลับมามองหน้าข้าพเจ้าด้วยนัยน์ตาอันเหลือกลาน ข้าพเจ้ารู้สึกผิดสังเกตเหมือนกันเมื่อได้ยินเสียงกิ่งไม้แห้งหักและต่อมาพุ่มไม้นั้นไหว ถึงกระนั้นก็สะกดใจคอยอยู่ในลักษณะที่เตรียมพร้อม เสียงกิ่งไม้และใบไม้แห้งคงดังกรอบแกรบใกล้เข้ามานัยน์ตาของเราทุกคู่ทุ่งจับอยู่ทางทิศนั้น กระแสลมที่เย็นเฉียบจากชายเขาพากลิ่นสาบซึ่งจำไม่ผิดแน่ชัดมาทางเราเป็นระยะ ๆ ทันใดที่ปรากฏว่าเสียงฝีเท้าซึ่งเบาและเต็มไปด้วยความระมัดระวังจวนจะโผล่ออกมาจากหลังพุ่มไม้นั่นเอง ข้าพเจ้าก็กดสวิตช์ไฟฉายซึ่งทาบไว้กับลำกล้องปืนพุ่งไปทางทิศนั้น หวุดหวิดต่อการที่นิ้วจะเหนี่ยวไกเมื่อเห็นนัยน์ตาเขียวปัดคู่หนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้า ไมรา สมิท ซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าก็กระโดดเข้ามาจับมือข้าพเจ้าไว้ ยิงปลา
“อย่ายิง! คุณสาก นั่นไลสง!”
ข้าพเจ้าลดปืนลงจากบ่าทันทีรู้สึกศีรษะหมุนติ้วไปหมดด้วยความงุนงงและขนก็ลุกซ่าไปทั้งตัวอย่างอธิบายไม่ได้ ตาเกิ้นถอนใจแรงและลึก กระถดเข้ามายืนชิดข้าพเจ้า พ่อเฒ่าหัวหน้าบ้านเผโบมาและลูกสาวของแกตลอดจนพวกลูกหาบทุกคนถอยร่นไปรวมกันอยู่เป็นกลุ่มเดียวข้างหลังไมรา สมิท ต่างคนต่างรู้ดีว่าทุกคนคิดความคิดเดียวกันทั้งนั้น
เราเห็นไลสงยังเดินตรงเข้ามาพร้อมด้วยนัยน์ตาที่เบิกโพลงพร้อมด้วยอิริยาบถอันเลื่อนลอยของคนที่อยู่ในอาการละเมอเพ้อพก จนกระทั่งถึงเสือ 2 ตัวนั้น ทันใดนั้นเองเขาก็หยุดชะงักตาที่ปะทะแสงไฟฉายกระพริบถี่ก้มลงมองดูซากสัตว์ที่นอนหมอบอยู่แทบเท้า แล้วก็เดินอย่างกระปรี้กระเปร่าเข้ามาหาไมรา กระทำคารวะพลางพูดเร็วด้วยเสียงนกเสียงกาของเขาต่อไป ไมรา สมิทนิ่งฟังเหมือนใจลอย ครั้นแล้วก็หันมาทาง ร.อ.เรือง ตาเกิ้นและข้าพเจ้า
“ไลสงว่าเขาได้ยินเสียงปืนสะดุ้งตื่นขึ้นคิดว่าคงเกิดเหตุอะไรจึงได้รีบออกมาดู เห็นเสือ 2 ตัวนั้นแล้วก็เข้าใจ” ไมราอธิบาย
ข้าพเจ้า “บอกเขาแหม่มไมรา ว่าทีหน้าทีหลังเกิดเหตุอะไรขึ้นขอให้มาตามทางคนเดินหน่อยไม่งั้นพลอยเป็นอย่างเสือสองตัวนั้นไปด้วยพวกเราจะเสียใจไม่หาย”
ไมรา “ไลสงเขาว่าบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้มาทางรกแทนทางเตียนอย่างนั้นรู้สึกเหมือนคนอยู่ในฝัน ตื่นขึ้นก็ถึงที่นี่และแลเห็นเรา” ยิงปลา
ตาเกิ้น “ขืนฝันอย่างนี้บ่อย ๆ สักครั้งหนึ่งหรอกตื่นขึ้นเขาจะไม่เห็นใคร”
ข้าพเจ้ารีบตัดบทเพื่อป้องกันความอึดอัดใจด้วยกันทั้งสองฝ่ายหันไปสั่งการให้พวกลูกหาบจัดการหามเสือ 2 ตัวนั้นไปแล่หนังให้พ้นจากบริเวณบ้าน ต่อมามิช้ามินานก็รุ่งสว่างและชาวบ้านต่างก็แห่กันมาเยี่ยมเยียนถามข่าวคราวเรา ข้าพเจ้ารู้สึกประหลาดใจที่ดูไม่มีใครเห็นแปลกหรือสนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยรวมแล้วว่ามันเป็นของธรรมดาและเหตุการณ์ประจำวันที่เสือเหล่านั้นจะย่างกรายเข้ามา ไลสงอธิบายแก้ข้อสงสัยของเราผ่านไมรา สมิทว่า ยิงปลา
“ที่นี่เป็นดินแดนของเราเผ่าเซียมิกับเสือ ในชีวิตของฉันยังไม่เคยปรากฏว่านาคาเซียมคนใดถูกเสือกัดตาย เราเดินผ่านกันไปผ่านกันมาในป่า บางเวลาเสือก็เข้ามาเยี่ยมที่นี่ ไม่มีใครเคยเป็นอันตรายเพราะมันแต่ฉันไม่ถือโทษท่านหรอกความกลัวอาจบังคับให้คนเราทำอะไรลงไปได้ทั้งนั้น เมื่ออยู่ที่นี่นานไปท่านก็จะคุ้นกับเสือเอง”
วาจาของเขาอ้อยอิ่งอยู่ในความครุ่นคิดของเราต่อมาตลอดวันข้าพเจ้ารู้ว่ามันเต็มไปด้วยเหตุผลเพราะตราบใดที่เสือมีสัตว์ป่าเป็นอาหารอย่างเหลือเฟือ ตราบนั้นเสือจะไม่ทำอันตรายมนุษย์ ข้าพเจ้าเชื่อต่อไปด้วยว่าสัตว์ทุกชนิดอาจเชื่องและชินกับคนได้เมื่ออยู่ใกล้ชิดกันนานไปและไม่เคยทำร้ายมันเลยอย่างพวกนาคาชาวเขาเผ่าเชียมิ ถึงกระนั้นเหตุการณ์ที่เกิดแก่กะเหรี่ยงลูกหาบทั้งสองของเราก็ไม่สามารถจะลบเลือนไปจากความทรงจำได้ง่าย ๆ และในฐานที่เป็นผู้รับผิดชอบในความปลอดภัยของคณะ ข้าพเจ้าอาจจะไม่แพร่งพรายความสงสัยแคลงใจอะไรออกมากับใครนอกจากกับตาเกิ้น ในขณะเดียวกันทั้งหูและตาก็คอยสดับตรับฟังระแวดระวังอยู่ทุกระยะ
ตลอดวันนั้นทั้งวันบรรดาพวกนาดาที่อยู่ตามยอดดอยอื่น ๆ ต่างทยอยมาสู่ตำบลของเราไม่ขาดสายแต่ละคนสวมเครื่องแต่งตัวใหม่ พวกผู้ชายประดับรัดเกล้าที่สวมศีรษะด้วยขนจามรีมีกระดูกและเขี้ยวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องรางห้อยคอ พวกผู้หญิงสวมกำไลข้อเท้าเจาะหูห้อยตุ้มระย้ารอบ ๆ คอประดับไปด้วยสร้อยร้อยอำพันเสียบผมด้วยดอกลั่นทมและกล้วยไม้ป่า บ้างยังสาวและโสดและบ้างก็หอบลูกจูงหลานกันพะรุงพะรังพวกผู้เฒ่านั่งจับกลุ่มสนทนาอยู่ตามใต้ร่มเงาต้นไม้ หนุ่ม ๆ สาว ๆ วิ่งไล่กันไปตามบริเวณป่ารอเวลาประกอบพิธีซึ่งจะเริ่มขึ้นในเย็นวันนั้น
ข้าพเจ้ารู้สึกอัศจรรย์ใจที่สังเกตเห็นว่าต่างกับนาคาเผ่าจิรีและชาวป่าชาวเขาที่เราเคยผ่านพบมาแล้ว ชายฉกรรจ์ชาวเชียมิทุกคนมิได้มีอาวุธประจำตัวเลยนอกจากมีดซุยเล่มเล็ก ๆ ซึ่งมีความหมายเป็นเครื่องประดับกายมากกว่าจะใช้เป็นเครื่องประหัตประหาร ดร.สมิท ซึ่งยืนพิงไม้เท้าอยู่ข้าง ๆ ข้าพเจ้าก็สังเกตเห็นเช่นกันเขาพึมพำว่า ยิงปลา
อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/