October 18, 2020

money6

ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 24 ยิงปลา

เย็นวันนั้นเราตั้งแค้มป์ลงเพื่อแรมคืนที่ใกล้ลำธารแห่งหนึ่งซึ่งน้ำใสไหลรินไปเหนือกรวดใหญ่น้อยสีต่าง ๆ กันระหว่างหาดทรายสีขาวสะอาดและละเอียดอ่อนภายใต้กิ่งไทรย้อยซึ่งห้อยรากระย้าของมันลงมาระกระแสน้ำเป็นครั้งแรกในระยะหลายวันและคืนที่เราได้พักแรมในกลางที่โล่ง ใต้ท้องฟ้าโปร่งสีน้ำเงินสดและรอบ ๆ กายเต็มไปด้วยแสงแดดและสีต่าง ๆ กันของดอกไม้ เมฆฝนและเสียงฟ้าร้องของป่าผีดิบอยู่ห่างออกไปสุดหล้าฟ้าเขียวทางเบื้องหลัง ความอบอ้าวอันเต็มไปด้วยความอึดอัดและความชื้นแฉะอย่างเกือบจะหายใจไม่ออกก็เช่นเดียวกัน

ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำความสะอาดของบรรดาปืนที่ใช้อยู่หน้าเต็นท์นั่นเอง แลเห็นเงา ๆ หนึ่งซึ่งถูกแสงแดดเมื่อใกล้จะลับขอบฟ้าฉายกราดมาทาบปรากฏอยู่บนพื้นดินตรงหน้าเงยขึ้นก็แลเห็น ไลสงยืนพิจารณาดูอย่างเต็มไปด้วยความสนใจ ข้าพเจ้าใช้ภาษาใบ้ทำมือทำไม้บอกให้เขาทดลองจับปืนเหล่านั้น เป็นการแสดงความเป็นมิตร มากกว่าจะเจตนาอื่นใดแต่ชายหนุ่มชาวเขากลับสั่นศีรษะผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่งสีหน้าบอกความตื่นตระหนกตกใจ จนกระทั่งไมรา สมิท ซึ่งไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหนเห็นเข้าก็ยืนกอดอกหัวเราะงอหาย ข้าพเจ้า ลุกขึ้นยืนเดินเข้าไปใกล้หล่อนแล้วส่งมัลลิเกอร์ 6.5 ให้

“บอกเขาว่า มันไม่มีอันตรายอะไรเว้นไว้แต่จะหันปากกระบอกเข้าหาตัว”

ไมรา สมิท ยังคงหัวเราะร่วนอยู่ตามเดิมขณะที่หล่อนหันไปพูดกับไลสงด้วยเสียงนกเสียงกาแล้วหันมาตอบว่า

“ไลสงว่า เขาไม่ได้กลัวปืนหรือเสียงของมันแต่ไม่ชอบในฐานที่มันเป็นอาวุธร้ายแรงเหลือเกินสำหรับฆ่าสัตว์และคน” ยิงปลา

ข้าพเจ้า “บอกเขา แหม่มไมรา, ว่าถ้าไม่ได้ปืน ป่านนี้เขาก็คงชักดิ้นชักงอด้วยเขี้ยวเจ้าจงอางอยู่ในถ้ำนั้นแล้ว”

ไมรา “เขาว่าความตายเป็นกฎของธรรมดาและถ้าจะให้เขาเลือกระหว่างตายด้วยพิษของปืนกับพิษงูจงอางเขาเลือกอย่างหลังมากกว่า”

ข้าพเจ้า “ถามเขาหน่อย แหม่มไมรา ว่าเพราะเหตุใด?”

ไมรา “เขาว่า เพราะมันเป็นการตายตามธรรมชาติและเป็นการยุติธรรมไม่เอาเปรียบกันอย่างใช้ปืนซึ่งสัตว์ป่าและชาวดอยอย่างเขาไม่มีสติปัญญาสร้างขึ้นใช้ได้”

“บอกเขาอีก แหม่มไมราว่าวันหนึ่งข้างหน้าเขาจะเห็นคุณค่าของปืนทั้งในฐานเป็นเครื่องป้องกันตัวแสวงหาอาหารหรือในการทำลายศัตรู ยิงปลา

ไลสงไม่ตอบว่ากระไร ขณะที่นั่งฟังไมราอธิบายตามที่ข้าพเจ้าบอกให้เขาฟัง นอกจากสั่นศีรษะอยู่ไปมาครั้นแล้วเสียงนกเสียงกาของเขาจึงดำเนินต่อไปยืดยาวเหมือนมันจะไม่มีเวลาจบแต่ในที่สุดก็จบไมราแปลให้ข้าพเจ้าฟังว่า

“ใลสงว่า ตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายมาแล้วพวกเซียมิไม่เคยใช้อาวุธอะไร นอกจากผูกบ่วงและขัดลั่นห้าวในการดักสัตว์และมีดในการตัดไม้หอกดาบในการขับไล่เสือหรือช้าง”

“เพราะฉะนั้นจึงเกือบจะสูญพันธุ์ไปเพราะขาดการป้องกันตัว“

“เพราะฉะนั้นจึงเกือบจะสูญพันธุ์ไปเพราะขาดการป้องกันตัวจนชำนาญ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่เคยใช้มันทำลายใคร ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ พวกนาคาเผ่าเซียมิอาจจะนับถือผีสางแทนพุทธศาสนาและยึดมั่น ในประเพณีประจำเผ่ามาแต่ดึกดำบรรพ์แทนที่จะมีกฎหมายแต่เขาก็ไม่เคยทะเลาะวิวาท ฆ่าฟันหรือลักขโมยกันอย่างพวกเราศิวิไลซ์ ชีวิตในสังคม ไม่มีอะไรนอกจากยกผู้ที่ลูกบ้านมีความไว้วางใจนับถือและเชื่อฟังขึ้นเป็นหัวหน้า ยิงปลา

ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นจะได้รับการพิจารณาจากคณะตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมด้วยพ่อบ้านเป็นประธานการแต่งงานก็ไม่มีพิธีรีตองอะไร นอกจากใครชอบใจใครก็ไปอยู่กินด้วยกัน ผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิเท่ากันในการเลือกคู่และเลือกว่าจะอยู่กินกับใคร? เป็นเวลาเท่าไหร่? และกับกี่คน? เพราะฉะนั้นปัญหาในเรื่องหึงหวงและชู้สาวจึงหมดไป ปัญหาในเรื่องชั้นวรรณะก็หมดไปในระหว่างพวกเซียมิไม่มีใครจนหรือมั่งมี ชีวิตของพวกเขาอยู่ที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ฉะนั้นถึงคนที่แก่ เฒ่าแม้ไม่มีลูกหลานเลี้ยงดูก็ไม่อดตาย พูดง่าย ๆ และสั้น ๆ ชีวิตที่คนพวกนั้นบำเพ็ญเหมือนอยู่ในยูโธเปียของทอมัส มอร์

ไลสงเล่าต่อไปว่าตั้งแต่เกิดมาและจำความได้ยังไม่เคยปรากฏเลยว่ามีการลักขโมยหรือฆ่ากันตายในระหว่างพวกเซียมิด้วยกันเลย นี่แหละทอมกับฉันถึงได้อยากหนักหนาที่จะศึกษาชีวิตความเป็นอยู่และขนบประเพณีของพวกนี้โดย ละเอียดลออเพื่อประโยชน์แก่สังคมมนุษย์เราต่อไปในอนาคต” ยิงปลา

ข้าพเจ้า “แหม่ม ไม่คิดบ้างหรือว่าชีวิตที่หมดจดงดงามรักความสงบเช่นนั้นแหละจะทำให้มนุษย์เราตกเป็นเหยื่อแก่ความทะเยอทะยานในการที่จะเป็นใหญ่ อารมณ์ในการทำลายและใฝ่สงครามของมนุษย์อีกประเภทหนึ่ง”

ไมราถอนใจ “นี่คุณสากก็ทำนองเดียวกับใคร ๆ อีกเป็นอันมากนั่นเองที่คิดว่าสันติภาพถาวรจะมีอยู่ในโลกนี้ไม่ได้? และสงครามจะต้องมีประจำโลกต่อไป?

“ฉันคิดอย่างนั้นตราบใดที่เรายังเต็มไปด้วยทิฐิมานะที่จะเอาชนะระรานกัน! ฉันคิดอย่างนั้นจนกว่ามนุษย์เราจะรู้จักยอมรับนับถือความต้องการของคนอื่นเท่า ๆ กับความต้องการของตัวเอง! และฉันคิดอย่างนั้นจนกว่ามนุษย์จะพยายามให้ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน แล้วก็รู้จักให้อภัยในความผิดพลาดของคนอื่นเหมือนกับที่อยากจะให้ใครเขาให้อภัยคน จนกว่าจะถึงเวลานั้นการเบียดเบียนแก่งแย่งแข่งดีซึ่งกันและกัน ทำลายกันและทำสงครามเป็นสิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่พ้น”

อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/