money9
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 39 เกมสล็อตออนไลน์
“แปลกไหมล่ะ คุณสากว่าศรัทธาในคุณงามความดีมนุษย์มากเกินไป อาจทำให้คนเราโง่และตกเป็นเหยื่อแก่ความชั่วร้ายได้ง่ายเพียงใด นาคาเผ่านี้แปลกกว่านาคาอื่น ๆ ในมณีปุระไม่เคยเป็นคนป่าที่กินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร เขาถือว่าการรบราฆ่าฟันเป็นความชั่วร้าย สิ่งเดียวที่เขาต้องการในชีวิตอยู่ที่สันโดษและสันติสุข ทุกยุคทุกสมัยพวกนี้ไม่เคย เตรียมการป้องกันตัวเลย ฉะนั้นถูกรุกรานที่ไรจึงได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนไปและถูกเผ่าที่มีน้ำใจอำมหิตและแข็งแรงกว่าทำลายร่อยหลอลงทุกที อีกไม่ช้าก็คงจะสูญพันธุ์”
ข้าพเจ้า “ถึงกระนั้นเขาก็คงจะสูญไปจากโลกนี้ด้วยความภาคภูมิใจ ไม่ใช่หรือคุณหมอว่าไม่เคยเป็นภัยหรือก่อความเดือดร้อนให้แก่ใคร?”
สมิทหัวเราะ “แล้วมันได้ประโยชน์อะไร คุณสาก? คนหรือชาติที่ตายมีประโยชน์อะไรต่อโลกหรือ? คน ชาติที่อยู่ต่างหากที่สามารถจะทำประโยชน์ให้แก่ชาติมนุษย์”
ข้าพเจ้า “แต่ก็อาจจะกลับเป็นผู้ทำลาย!”
สมิท “แน่ละ, ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งนั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์นี่ ผมเองมีศรัทธาในกฎของดาร์วินมากกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นจะสามารถเหลือรอดอยู่ในโลกนี้ แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราจะห่วงใยเขาอีกไม่กี่วันงานของเราเสร็จก็จะจากที่นี่ไป ไลสงและลีกอพร้อมกับพวกเซียมิทั้งหลายกับเราจะอยู่คนละโลกไม่มีอะไรเหลืออยู่ระหว่างเขา นอกจากความทรงจำ”
ข้าพเจ้า “คุณหมอคิดว่าต้องการเวลานานสักเพียงใดสำหรับงานที่นี่?”
สมิท “วีคหนึ่งเป็นอย่างเร็วครึ่งเดือนเป็นอย่างช้าแล้วแต่ขาของผมจะไปได้และไลสงกับลีกอจะให้ความสะดวกแก่เราแต่ผมคิดว่ายาที่ลีกอทาให้ศักดิ์สิทธิ์พอใช้แผลแห้งสนิทไม่รู้สึกเจ็บไม่ระบมอีกต่อไป เสร็จพิธีแล้วสัก 2-3 วันคงออกเดินทางได้”
ตลอดบ่ายวันนั้น ทั้งตำบลอลหม่านไปด้วยการตระเตรียมอาหาร การตกแต่งสถานที่และคึกคักไปด้วยเสียงดนตรีของชาวเขาซึ่งมีลักษณะกึ่งซึงกึ่งแคน ประกอบไปด้วยปีไม้อ้อ ประมาณบ่าย 5 โมงเศษ ไลสงและลีกอนำขบวนบรรดาหัวหน้าพวกนาคาที่อยู่ตามดอยชั้นนอกออกไปมารับ ไมรา สมิท นางพญาผิวขาวของเขา
ข้าพเจ้ากำชับ ดร.สมิทและทุกคนล่วงหน้าไว้แล้วว่าให้พยายามเล่นละครตามบทบาทและหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีที่สุดที่จะเล่นได้เพราะฉะนั้นในขณะที่ ไมรานั่งเป็นสง่าบนร้านซึ่งประดับประดาไปด้วยประตูป่าต่อหน้าพวกนาคาเซียมิทั้งหนุ่มสาวเฒ่าแก่และลูกเด็กเล็กแดงที่ชุมนุมกันอยู่ในลานนับพัน พวกเราซึ่งถูกสมมติว่าเป็นบริวารจึงยืนสงบ นิ่งอยู่เบื้องหลังแต่ในระยะห่าง
อย่างไรก็ดี, ศรัทธาและความเชื่อของคนเราเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ขัดข้อง ฉะนั้นแม้นัยน์ตาหนึ่งจะมองดูกิริยาท่าทางของลีกอ ซึ่งลุกขึ้นยืนประกาศก้องต่อหน้าเหล่านาคาทั้งหลายในการต้อนรับนางพญาของเขาซึ่งเชื่อว่าสูญหายไปหลายร้อยปีเพิ่งกลับมาปรากฎเหมือนหนึ่งบทบาทของตัวละครในภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตป่าดงพงไพร อีกนัยน์ตาหนึ่งข้าพเจ้าก็เข้าใจถึงความเชื่อมั่นอันบริสุทธิ์ใจของเขา ยืนนิ่งฟังและยืนดูนานไปเสียงโห่ร้องของพวกนาคาทั้งหลาย เสียงไมราปราศรัยและเสียงดนตรีที่ประโคมต้อนรับ กลับจะทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนเป็นคนหนึ่งและส่วนหนึ่งของพิธีการเหล่านั้นไปด้วย ดร.สมิทเองถึงกับตะลึงลานในรูปโฉมโนมพรรณของภรรยาและสีหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกของหล่อนอดอุทานออกมาเบา ๆ ไม่ได้
“ไมก็อด! คุณสาก ไมรากลายเป็นนางพญาผิวขาวของคนป่าพวกนี้ไปแล้วจริง ๆ หรือนั่น?”
ข้าพเจ้า “คุณหมอควรจะดีใจว่า มิสซิสสมิทยิ่งเป็นนางพญาผิวขาวของเขาได้จริงเพียงไร ยิ่งหมายถึงความสำเร็จในการค้นคว้าของคุณหมอครั้งนี้เพียงนั้น”
หลังจากพิธีการอันยืดยาว ในที่สุดการกินเลี้ยงและการละเล่นเต้นรำก็เริ่มต้น ทุก ๆ คนต่างช่วยตัวเองจากบรรดาอาหารและผลไม้ที่ตั้งไว้เป็นกองกลาง กินไปพลางเต้นไปพลางท่ามกลางเสียงปีเสียงกลองซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์ จนกระทั่งพลบค่ำและบริเวณลานสว่างไสวไปด้วยคบได้ที่จุดเสียบไม้ไว้โดยรอบ ข้าพเจ้ามองดูนาคาทั้งหลายหญิงเท่ากับชาย ผู้เฒ่า ผู้ใหญ่เท่ากับเด็ก อุทิศกายและใจให้กับการเริงระบำตามแบบของเขาราวกับเนื้อตัวเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ปราศจากการหยุดพักปราศจากการเหน็ดเหนื่อย กระแสลมเย็นที่พัดเอื้อยแสงคบไต้ที่ลุกวอมแวมเหมือนหิงห้อยยักษ์มีท้องฟ้าที่ดาดาษไปด้วยดวงดาวปกคลุมอยู่เบื้องบน มีขุนเขาที่มืดทะมึนอยู่โดยรอบเป็นฉากหลังแล้วก็อดถอนใจไม่ได้ หันไปหาตาเกิ้นพลางพึมพำเบา ๆ ว่า
“ตั้งแต่เกิดมาเคยเห็นอะไรอย่างนี้บ้างไหมตาเกิ้น?”
กะเหรี่ยงชราสั่นศีรษะใบหน้าซึ่งผอมเกร็งของแกเต็มไปด้วยความรู้สึกขณะที่ตอบว่า
“นอกจากเวลาฝันกับยายเท่านั้นเองนาย มองดูนางคนส่ายตะโพกอยู่ข้างกองไฟนั้นแล้วตาเกิ้นอยากเกิดเป็นนาคากะเขาสักคน”
ข้าพเจ้าหัวเราะ “กลับไปถึงบ้านยายของตาเกิ้นก็คงเล่นฉันแย่ไปเท่านั้นเอง อะไรอายุจนป่านนี้ เมีย 2 คนแล้วยังไม่พอ”
ตาเกิ้น “มันพูดยากนาย กินเหล้ายังรู้จักเมา กินข้าวยังรู้จักอิ่ม กินเมียนี่มันยิ่งหิวเรื่อยไป”
ข้าพเจ้าไม่ทันจะโต้ตอบแกอย่างไรต่อไป ก็ปรากฏว่าทั้งเสียงกลองและเสียงร้องรำทำเพลงหยุดลงอย่างกะทันหัน บรรดานาคา ทั้งหลายเลี่ยงออกจากลานสว่างไปจับกลุ่มกันอยู่ในเงามืดของพุ่มไม้เงียบ ๆ สายตาทุกคู่หันมาจับอยู่ที่ชายฉกรรจ์ 2 คน ซึ่งแหวกฝูงชนเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าไมรา สมิท ลีกอ และไลสงด้วยกิริยาอันร้อนรน กระวนกระวาย
อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/