October 7, 2020

money6

ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 6 ยิงปลา

“เป็นอย่างไร? ยังไม่ดีพอ? หรือคุณสาก พรานใหญ่ยังเห็นว่าใช้ไม่ได้?”

ข้าพเจ้าถอนใจ “ตรงกันข้าม แหม่มไมรา เป็นการยิงที่มหัศจรรย์ที่สุดที่ผมเคยเห็นมาในชีวิตเพียงแต่มันเหมาะสำหรับในโรงละครสัตว์หรือการยิงพลิกแพลงในภาพยนตร์มากกว่าจะเป็นประโยชน์ในป่า”

“เพราะอะไร?” หล่อนตั้งกระทู้ถามอย่างขุ่นเคือง

“เพราะว่าแหม่มไม่มีโอกาสจะได้ใช้มันเลยกับมนุษย์หรือสัตว์ใด ศัตรูเดียวที่แหม่มจะต้องใช้มันอยู่ที่...ที่...”

“ที่ไหน? ใคร? ทำไม?” “ในหัวใจของทุกคนแม้กระทั่งแหม่มเอง” ยิงปลา

ดร.สมิทนิ่งฟังเราโต้ตอบกันด้วยความสนใจใบหน้าของเขายิ้มละไมอย่างคนอารมณ์ดี ในที่สุดเมื่อข้าพเจ้าพูดจบก็หัวเราะเสียงดังขณะที่สีหน้าของไมรา สมิทแดงก่ำหนักขึ้น

“คุณสากไม่เพียงแต่เป็นนักล่าสัตว์อย่างเดียว ไมเดียร์ ไมรา คุณสากเป็นฟิโลโซเฟอร์เป็นนักปรัชญาด้วยรู้จักชีวิตและเข้าใจชีวิตดี คุณสากพูดความจริงและความจริงเป็นสิ่งที่เราควรจะรับฟังไว้เพื่อระมัดระวังตัวของตัวเราต่อไป

แหม่มไมราจ้องหน้าสามีอย่างขัดใจอยู่หน่อยหนึ่งแต่แล้วก็ยิ้มออกมาได้ว่า “| understand it, I known ฉันเข้าใจคุณสากมุ่งหมายดีต่อฉันมากขอขอบใจ เอาเถอะ, ฉันจะพยายามไม่ให้เป็นตัวลำบากแก่พวกผู้ชายอย่างที่สุดเท่าที่ฉันจะช่วยได้”

ไมรา สมิท เป็นหญิงใจเด็ดคนหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้เคยคบหรือพบเห็นและหล่อนก็ได้พิสูจน์ในการเดินทางช่วงต่อมา โดยไม่พยายามจะบำเพ็ญตนให้เป็นเครื่องถ่วงความก้าวหน้าในการเดินทางหรือก่อให้เกิดปัญหาขึ้นระหว่างพวกผู้ชายเลย หล่อนต้อนรับป่าเหมือนปลาต้อนรับน้ำ ความร่าเริงอย่างไม่รู้จักเหน็ดรู้จักเหนื่อยของหล่อนทำให้ชีวิตจำเจที่แค้มป์ซึ่งเราพักแรมจากมันเต็มไปด้วยความแจ่มใส เสียงหัวเราะและเสียงเพลงทั้งของหล่อนเองและพวกกะเหรี่ยง เพียงแต่การอาบน้ำในชุดวันเกิดเท่านั้น ที่ไม่มีอะไรจะมาทำให้หล่อนเลิกล้มความตั้งใจได้ ร่างกายของมนุษย์เป็นของบริสุทธิ์สะอาดเหตุไฉนจะต้องมาปิดบังกันในฐานถือเป็นสิ่งที่ควรอับอาย? แหม่มเคยอธิบาย หล่อนเคยอาบน้ำเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร แม้กระทั่งอยู่ในระหว่างพวกผู้ชาย ขณะที่ไปทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองอยู่ระหว่างพวกนาคาชาวเขาตามทัศนะของหล่อนนั้น สิ่งใดที่คนเราถือเป็นของบริสุทธิ์และสะอาดหมดจดก็ควรจะถือต่อไป การเปลี่ยนแปลงให้กลับกลายไปเป็นอื่นก็เหมือนจะยอมรับว่าการกระทำเช่นนั้นผิด การปกปิดร่างกายในเวลาอาบน้ำก็ไม่ต่างอะไรจากยอมรับว่าเนื้อตัวของคนเราเป็นสิ่งโสโครกสกปรกโสมมนั่นเอง เมื่อเป็นความปรารถนาของตนอยู่เช่นนั้นและสามีก็ไม่ขัดใจ ใครเล่าจะไปขัดขืนหล่อนได้

อย่างไรก็ดีตาเกิ้นบ่นอู้อี้เมื่อได้รับคำสั่งจากข้าพเจ้าไม่ให้แกหรือลูกหาบคนใดกร่ำกรายเข้าไปในบริเวณที่ไมรา และโทมัส สมิท กำลังอาบน้ำอยู่เป็นอันขาด ยิงปลา

“นายนี่ยังไง ไม่ยอมกินอะไรทางใด?” “อย่าลืมตาเกิ้นว่าสิ่งที่ผ่านตาเข้าไปนั่นแหละ จะต้องถึงใจเข้าสักวันหนึ่ง อาหารอย่างนั้นแสลงยิ่งเป็นตาเกิ้นจะยิ่งคิดถึงยายกว่าจะพบ พวกนาคาเซียมิ บางทีตาเกิ้นจะหัวใจแตกตาย...” ข้าพเจ้าบอก

“นายพูดอะไรเป็นคติตาเกิ้นเถียงไม่ขึ้นสักที” ตาเกิ้นตอบ

3 วันจากมอโกจู ภูมิประเทศที่เราผ่านไปพ้นจากโกรกธารอันดาดาษไปด้วยใบเฟิร์นเขียวชะอุ่มหอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกล้วยไม้และฝูงผีเสื้อน้อยใหญ่ที่บินคลาคล่ำอยู่เหนือศีรษะเข้าสู่พื้นที่ราบและดงสูงซึ่งชื้นแฉะและอบอ้าวจนบางคราวรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก ความระมัดระวังตัวในการกินอยู่หลับนอนเท่านั้นที่ทำให้เราผ่านดงเหล่านี้ไปด้วยความปลอดภัย

อย่างไรก็ดี ในวันที่สี่นั่นเองขณะที่เราตั้งแค้มป์แรมคืนลงที่ชายคงแห่งหนึ่ง ลูกหาบกะเหรี่ยงของเราสองคนซึ่งออกไปตักน้ำจากลำห้วยถัดชายเนินลงไป กระหืดกระหอบกลับมารายงานตาเกิ้นเสียงละล่ำละลักจน ดร.สมิทผิดสังเกตหันมาซักข้าพเจ้าว่า “เรื่องอะไรกันรี คุณสาก?” ยิงปลา

“ยังไม่ทราบเลยครับคุณหมอ” ข้าพเจ้าบอก“แต่ดูเหมือนพวกนั้นจะไปเจอะสัตว์ประหลาดอะไรที่ไม่เคยเห็นเข้า..”

ไมรา สมิท ซึ่งนั่งสนทนาอยู่กับ ร.อ.เรือง หันมาทางเราอย่างปราศจากความสนใจแต่เสียงที่หล่อนเอ่ยเต็มไปด้วยเลศนัยเต็มที่ “ฉันหวังว่าคงจะเป็นไดโนเสาร์ มิฉะนั้นก็อาจจะเป็นแม็มม็อท ช้างโบราณ”

“ถ้าแหม่มปรารถนาอย่างนั้น บางทีมันอาจจะเป็นจริง” ดร.สมิท โบกมืออย่างขบขัน สอดขึ้นว่า

“ขอเสียที่ไมรา เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือว่าในเรื่องสัตว์และเรื่องป่าเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของคุณสาก เรื่องพวกนาคาเป็นเรื่องของเรา”

ข้าพเจ้าเรียกตาเกิ้นซึ่งกำลังร้องใช้กะเหรี่ยงลูกหาบสองคนอยู่ด้วยความตื่นเต้น แกวิ่งเหย่าเข้ามาหาข้าพเจ้าโดยเร็ว นัยน์ตาอันชราทั้งคู่เป็นประกาย ยิงปลา

“เร็วเข้าเถอะนาย อยากได้รูปดี ๆ บอกให้นายฝรั่งลงไปที่ห้วยเดี๋ยวนี้”

“อะไรกัน ตาเกิ้น?” “กระทิงกะงูกำลังสู้กัน...”

ยังไม่ทันที่ข้าพเจ้าและดร.สมิท จะตกลงใจประการใด ไมรา สมิท ก็ลุกหายเข้าไปในเต็นท์ข้างหลัง เมื่อกลับออกมาก็ปรากฏว่าพร้อมไปด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตรอยู่ในมือ หล่อนตรงเข้าไปหาตาเกิ้นกึ่งจูงถึ่งฉุดแกถูลู่ถูกังพลางบอกว่า

“พาฉันไปเร็วนายบาบูน....อย่ามัวชักช้า มันเป็นภาพที่ฉันแสวงหามาชั่วชีวิต เร็วเข้าอย่าให้แหม่มเสียใจ”

ทั้ง ดร.สมิท ร.อ.เรือง และข้าพเจ้าวิ่งตามหล่อนและตาเกิ้นไป โดยเร็วเมื่อใกล้ฝั่งลำธาร เสียงกิ่งไม้ลั่นโผงผาง และเสียงฟืดฟาดดังปรากฏมาข้างล่าง ข้าพเจ้าเห็นแหม่มไมราวิ่งนำหน้าเราตรงไปยังเสียงนั้น ในที่สุดก็หยุดชะงักอยู่ครู่หนึ่งที่เหนือตลิ่ง หล่อนยืนนิ่งเหมือนถูกมนต์สะกดเพราะสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า ต่อมาก็วิ่งลับลงไปจากสายตาโดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของตาเกิ้นซึ่งเต้นเร่าอยู่ที่เดิมเลย

อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/