money6
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 4 ยิงปลา
ทั้ง ดร.สมิท และภรรยารูปสวยของเขาแสดงความตื่นเต้นยินดี เมื่อได้ทราบข่าวความสำเร็จของเราในเย็นวันนั้น เขาจับมือข้าพเจ้าสั่นพูดด้วยภาษาไทยซึ่งได้ความชัดเจนดี นอกจากสำเนียงเท่านั้นที่ยังบอกชาติกำเนิดเดิม
“คุณเรืองบอกผมว่ามหิงสาเป็นควายป่า ถ้าอย่างนั้นคงจะคุอย่างเค็ปบัฟฟาโลว์ของอัฟริกา”
ข้าพเจ้า “บางที่คุณหมอจะบอกได้ดีกว่าผมถ้าได้ติดตามไปด้วยตนเอง เพราะผมเคยยิงแต่มหิงสา ควายป่าอัฟริกาเคยแต่ได้อ่านจากหนังสือและดูจากภาพยนตร์”
สมิท “เห็นคนแก่ ๆ อย่างเบเกอร์เล่าไว้ว่ามหิงสาดุกว่าเด็ปบัฟฟาโลว์ ผมคิดว่าเขาควรจะรู้ดีเพราะเคยมาอยู่ลังกาหลายปี ล่ามหิงสาไปหลายสิบตัวแต่เห็นลักษณะของมันแล้วไม่น่ากลัวเหมือนเด็ปบัฟฟาโลว์ นอกจากนั้นทำไมมันตายง่ายตายดายนัก” ยิงปลา
ตาเกิ้นซึ่งนั่งอยู่ข้างหลัง ร.อ.เรือง ไอขลุก ๆ อยู่ในลำคอเพื่อจะให้ข้าพเจ้าหันหน้าไป ข้าพเจ้ารู้ใจแกดีว่าอยากจะพูดอะไร แต่ก็รีบตัดบทเสียว่า
“ตายง่ายตายดายอย่างคุณหมอว่านั้นแหละ หมายถึงความหวุดหวิดกับอวสานของชีวิตทั้งผมและตาเกิ้น”
ภรรยาคนสวยของ ดร.สมิท เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าของกะเหรี่ยงชรามองดูตาแกแล้วหัวเราะ
“คนหน้าตาเหมือนลิงนี้เก่งเหลือเกิน แหม่มไม่อยากจะเรียกชื่อว่าตาเกิ้น แหม่มอยากจะเรียกนายบาบูน?”
ตาเกิ้นหันมาหาข้าพเจ้าด้วยสีหน้าซึ่งร้องขอความกรุณา
“นายบอกแหม่มที ตาเกิ้นไม่อยากเป็นนายการะบูนตาเกิ้นต้องการเป็นตาเกิ้นของยาย”
แหม่มสมิทฟังพอเข้าใจความหมาย หล่อนเดินเข้าไปใกล้ตาเกิ้นยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างเอ็นดูแล้วพูดต่อไป
“เป็นทำไมตาเกิ้นของยาย เป็นนายบาบูนของแหม่มดีกว่า”
ตาเกิ้น “ตาเกิ้นของยาย ตาเกิ้นเป็นนายการะบูนของแหม่มไม่ได้ เดี๋ยวนายฝรั่งหักคอตาเกิ้นตาย”
ดร.สมิท ได้ฟังก็หัวเราะชอบใจ ยิงปลา
“นายคนหน้าลิงชอบแอบไปดูฉันกับแหม่มอาบน้ำบ่อย ๆ ดูทำไม? ใคร ๆ เหมือนกันทั้งนั้น คนทางเหนืออาบน้ำอย่างเดียวกัน คนกะเหรี่ยงที่ผ่านมาก็อาบน้ำอย่างนี้ ดูดี ๆ ไม่เป็นไร ดูแล้วถอนใจเสียมรรยาท...” ทุกคนหัวเราะครีน ในขณะที่ตาเกิ้นหน้าตาแดงก่ำไปหมด ไม่ยอมแลสบตากับ ดร.สมิท และแหม่มอีกเลยตลอดค่ำวันนั้น
หลังจากเวลาอาหารและกาแฟแล้ว เรา...ดร.สมิทกับภรรยา และ ร.อ.เรืองกับข้าพเจ้าเข้านั่งล้อมแผนที่ซึ่งกางอยู่บนโต๊ะสนามท่ามกลางแสงจันทร์ซึ่งสุกสกาวและภายใต้โคมเจ้าพายุที่ส่องสว่างไปไกล ปรึกษาหารือกันถึงการเดินทางในวันต่อมาก่อนที่จะแยกกันเข้ากระโจมและพักผ่อนหลับนอนด้วยความอ่อนเพลีย
เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้นตอนดึกในคืนนั้น พระจันทร์ยังสูงอยู่กลางฟ้าอากาศเย็นจับใจตามวิสัยของภูมิประเทศที่สูง เสียงหนึ่งซึ่งดังอู้อี้มาจากใต้ต้นไม้ที่ตาเกิ้นนอนอยู่ข้างกองไฟที่มอดละเมอไม่ขาดปากว่า
“ตาเกิ้นกลัวยาย แหม่มจ๋า ตาเกิ้นไม่ยอมเป็นนายการะบูน"
เมื่อข้าพเจ้าพักผ่อนหลับนอนที่ก่อนออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เราเรียกคนนำทางชาว พื้นเมืองมายืนยันเพื่อความแน่ใจอีกครั้งหนึ่งถึงภูมิประเทศของระยะทางช่วงต่อไป แผนที่เก่าซึ่ง ร.อ.เรืองและข้าพเจ้ามีอยู่แต่เดิมใช้การไม่ได้อีกเลย นับแต่พ้นจากสันเขามอโกจูไปแล้วและแผนที่ซึ่ง ดร.สมิทมีติดตัวมาแม้จะละเอียดกว่าของเราผู้เป็นเจ้าของถิ่นหลายร้อยหลายพันเท่าเพราะสำรวจตรวจและทำขึ้นใหม่ที่สุดโดยหน่วย o.S.S. ของสหรัฐอเมริกาและหน่วยจารกรรมของอังกฤษ ในสงครามโลกครั้งที่สอง ความถูกต้องของมันก็ยังสู้ความชำนาญของชาวพื้นเมืองประจำถิ่นไม่ได้
จากคำบอกเล่าของเขาระยะทางลัดที่ใกล้ที่สุดระหว่างมอโกจูถึงเผโบมาชนบทสุดท้ายก่อนที่เราจะเข้าสู่บริเวณป่าและเขาอันไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่ใด ๆ ในโลกจะกินเวลาไม่ต่ำกว่า 10 วัน แต่มันก็เต็มไปด้วยความทุรกันดารของภูมิประเทศ โรคภัยไข้เจ็บและอันตรายจากสัตว์ป่านานาชนิด ต่างกว่าทางอ้อมซึ่งสะดวกอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำท่า ผลไม้ และหมู่บ้านคนแต่จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
ในฐานที่ ดร.สมิทเป็นหัวหน้าคณะการสำรวจและรับผิดชอบต่อผลแห่งความสำเร็จหรือล้มเหลวครั้งนี้โดยตรง ข้าพเจ้าจึงอธิบายสภาพการณ์ทั้งปวงให้เขาเข้าใจและมอบให้เป็นผู้วินิจฉัย สีหน้าของเขาบอกความลังเลใจขณะที่เอ่ยขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า ยิงปลา
“แล้วคุณสากคิดเห็นอย่างไร?”
ข้าพเจ้า “ผมเป็นพรานเพราะฉะนั้นเวลาจึงมีค่ามากกว่าจะมามัวคิดถึงความยากลำบากหรืออันตราย”
ดร.สมิท “โอ๊ะ ข้อนั้นนักสำรวจอย่างผมก็เหมือนกัน พูดถึงความลำบากหรืออันตรายมีการสำรวจที่นับว่าเป็นการสำรวจครั้งใดบ้างจะไม่เต็มไปด้วยการเสี่ยงภัย ไม่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน การอดอยากและต้องการความทรหดอดทน ผมผ่านแม็ตโตกรอสโซในทวีปอเมริกาใต้มาแล้ว ใจกลางของอัฟริกากาฬทวีปก็เช่นเดียวกัน เมื่อปีกลายนี้เองก่อนเดินทางมาที่นี่ ผมเข้าไปศึกษาขนบประเพณีสำรวจตรวจสอบชาวเขาเผ่านาคา ซึ่งยังล่าหัวมนุษย์อยู่ในอัสสัมและพม่ามาก็หลายเดือน จนแน่ใจว่าชาวนาคาเผ่าเซียมยังมีอยู่และเตลิดหนีการกวาดล้างของชาวนาคาเผ่าคะชาลงมาอยู่ ณ ที่หนึ่งที่ใดในบริเวณรูปสามเหลี่ยมนี้” ยิงปลา
ดร.สมิท ชี้ที่วงแดงบนแผนที่ซึ่งกางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพลางอธิบายต่อไป
“คุณสากกะคุณเรืองเคยสงสัยตั้งแต่แรกเราพบกันแล้วว่าสำรวจไปทำไมกัน ชาวเขาเผ่าเล็ก ๆ ที่ทั่วโลกเชื่อกันว่าสูญพันธุ์ไปหลายศตวรรษมาแล้วแต่ชาวเขาเผ่าเล็ก ๆ นั่นแหละคือแขนงหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติมนุษย์คือที่มาของอารยธรรมดึกดำบรรพ์และความลึกลับในการผลิตแก้วผลึกชั้นหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ทางวิทยาศาสตร์ก็ยังแยกจากกันไม่ออก เหมือนอย่างความลึกลับในการย่อหัวมนุษย์ที่ล่าได้มาของพวกจิวาโรในอเมริกาใต้ ทีนี้คุณสากเข้าใจหรือยังว่าทำไมผมถึงเอาร่างกายและทุนรอนมาทุ่มเทกับการสำรวจชาวเขาเผ่าเล็ก ๆ เผ่านี้โดยไม่มีอะไรตอบแทนเลย นอกจากความรู้ที่จะได้จากเขาเหล่านั้น!”
อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/