money3
คำสั่งเสีย 1 (slot)
ข้าพเจ้าได้ฟังมาว่า ในบรรดาเหล่าขุนนางผู้เคยมีอำนาจในพระราชวัง ตระกูลซุบากิก็เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงพอตัวทีเดียว ทว่าเนื่องจากหลังการปฏิรูปประเทศแบบตะวันตกในสมัยเมจิเป็นต้นมา ไม่ค่อยปรากฏบุคคลมีความสามารถโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ดังนั้นถึงแม้จะได้รับตำแหน่งขุนนาง แต่ฐานะตระกูลกลับตกต่ำลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อครั้งชิชะกุยังเป็นวัยรุ่น ครอบครัวของเขาอัตคัดขัดสนถึงขีดสุดขนาดแทบรักษาสถานภาพในสังคมในฐานะขุนนางตำแหน่งชิชะกุไม่ไหว อย่างไรก็ดีการแต่งงานกับชิงกู อะกิโกะได้ช่วยกอบกู้เขาจากวิกฤตของตระกูลไว้ได้
ตระกูลชิงกูของอะกิโกะภรรยาของชิชะกุเป็นตระกูลขุนนางของผู้ครองแคว้นในยุคการปกครองแบบศักดินา ทว่าเจ้าบ้านแต่ละคนคงจะเชี่ยวชาญเรื่องการเพิ่มพูนทรัพย์สมบัติ จึงมีชื่อเสียงด้านความร่ำรวยในหมู่ขุนนางด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลชิงกูยังมีทะมะมุชิ ฮะกุซะกุผู้มีอิทธิพลมากคอยหนุนหลัง ทะมะมุชิ ฮะกุซะกุมีศักดิ์เป็นพี่ชายของแม่ของอะกิโกะ ก่อนสงครามโลกเคยเป็นลูกพี่ใหญ่ในสภาขุนนาง(slot) เพราะกุมบังเหียนสมาคมวิชาการ ดังนั้นถึงจะไม่เคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีแม้สักครั้งเดียว แต่ก็มีพลังอำนาจอยู่เบื้องหลังแวดวงการเมือง
กล่าวกันว่าท์ซูบากิ ชิชะกุมักรำพึงด้วยความฉงนฉงายที่ทะมะมุชิ ฮะกุซะกุยกหลานสาวคนโปรดให้กับบุคคลเช่นตน ข้างฝ่ายฮะกุซะกุนั้นก็ไม่ทราบว่ารู้สึกเสียใจกับการสมรสนี้หรือเพราะเหตุใด เขามักจะประณามชิชะกุเสมอว่าเป็นคนไร้สมรรถภาพที่เอาแต่เป่าขลุ่ย สำหรับคนฝักใฝ่เกียรติยศชื่อเสียงเช่นฮะกุซะกุ คงเห็นผู้ไม่อาลัยอาวรณ์เเละยึดติดกับอำนาจทางสังคมเช่นชิชะกุเป็นบุคคลไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิง ในขณะเดียวกันกลับชื่นชมชิงกู โทชิฮิโกะหลานชายของตนซึ่งดำรงชีพราวกับในโลกนี้มีแค่สุรากับกอล์ฟ ว่าช่างสมเป็นเจ้าคนนายคนโดยแท้ เพียงเท่านี้ก็คงพอทราบได้ว่าซะกุระกุคนนี้หลงใหลยศถาบรรดาศักดิ์ทางโลกเพียงใด
พูดกันในหมู่ผู้รอบรู้ข่าวคราวว่า ในเมื่อฮะกุซะกผู้เอาแต่ใจตัวเองกับพี่เขยเสเพลตบเท้าเข้ามาวางมาดประหนึ่งเป็นบ้านของตน แถมประณามซ้ำเติมซุบากิ ชิชะกุว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ต่อให้ชิชะกุสุภาพอ่อนโยนเพียงใด ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเหลืออดขึ้นมา
เรื่องนั้นเราค่อยว่ากันทีหลัง แต่ขณะที่หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวการหายตัวไปของชิชะกุ แม้ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร บริษัทแผ่นเสียงซึ่งว่องไวในการฉกฉวยโอกาสก็จัดแจงวางจำหน่าย “ปีศาจผู้มาเป่าขลุ่ย" นั้น และดังได้กล่าวไปแล้วว่า เพลงนี้เองเป็นที่ซ่อนความหมายนานัปการของการไขปริศนา(slot) ทว่าในตอนนั้นยังไม่มีใครทันฉุกคิด อีกทั้งความที่เป็นเครื่องดนตรีสากลต่างจากเพลงตามสมัยนิยม ซ้ำยังเป็นเดี่ยวฟลุตเรียบ ๆ ไม่โดดเด่น แผ่นเสียงดังกล่าวดูจะไม่เป็นที่กล่าวขวัญถึงเท่าไรนัก
ไม่มีใครรู้ความเป็นไปของชิชะกุอยู่เกือบสองเดือน ทว่าคนส่วนใหญ่ปักใจเชื่อว่าเขาได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว ว่ากันว่าหลังสงครามโลกชิชะกุชอบพูดถึงความตายเมื่อสบโอกาสและยังเคยบอกว่า ถ้าใหน ๆ จะต้องตายก็อยากตายตามลำพังในสถานที่ไม่มีใครหาศพพบ ดังนั้นชิชะกุคงวายชนม์อยู่กลางป่าที่ไหนสักแห่ง แล้วก็เป็นจริงตามคาดไม่ผิดเพี้ยน
วันที่ 14 เมษายน หรือสี่สิบห้าวันหลังจากซูบากิ ชิชะกุออกจากบ้าน ศพของชายผู้หนึ่งถูกค้นพบในป่าของที่ราบสูงคิริงะมิเนะแถบชินชู ดูจากเครื่องแต่งกายข้าวของพกติดตัวและอื่น ๆ ตำรวจลงความเห็นว่าเป็นชิชะกุซึ่งได้ออกหมายค้นหาไว้ก่อนหน้านี้ จึงรายงานการพบตัวไปยังคฤหาสน์ในทันที
ทราบมาว่าตอนนั้นที่บ้านเกิดไม่ลงรอยกันเรื่องจะส่งใครไปรับศพดี อะกิโกะภรรยาของชิชะกุก็ไม่ค่อยสบายเพราะตกใจกับการหายตัวไปของสามี อีกทั้งหล่อนก็ไม่เหมาะกับการจัดการเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว จึงเป็นอันว่าคุณหนูมิเนะโกะธิดาของทั้งคู่จะไปแทน เมื่อตกลงได้เช่นนั้นคาสุฮิโกะซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ได้เสนอตัวขอตามไปด้วย คาสุฮิโกะเป็นทั้งหลานและลูกศิษย์การเป่าฟลุตของชิชะกุ(slot) แต่ทั้งคู่อ่อนเยาว์เกินกว่าจะปล่อยให้จัดการธุระเช่นนี้ได้ คาสุฮิโกะอายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี ส่วนมิเนะโกะเพิ่งจะสิบเก้าเท่านั้น จึงต้องมีใครสักคนที่มีประสบการณ์พอไปเป็นพี่เลี้ยง โทชิฮิโกะบิดาของคาสุฮิโกะถูกมองว่าเหมาะสมที่สุด แต่โทชิฮิโกะกลับไม่ยอมตกปากตกคําง่าย ๆ เขาอยากขู่เอาเงินของน้องสาวไปเที่ยวซื้อนางคณิกาชั้นสูง หรือไม่ก็ขอให้ใครสักคนเป็นเจ้ามือออกค่าเล่นกอล์ฟให้มากกว่าจะไปรับศพน้องเขย
แต่ในที่สุดเมื่อถูกน้องสาวร่ำไห้วิงวอนและสัญญาว่าจะได้ทุนรอนไว้เที่ยวเล่นก้อนโตตอบแทนโทชิฮิโกะก็พาคาสุฮิโกะกับมิเนะโกะออกเดินทางไปโดยมีผู้ร่วมติดตามอีกคนได้แก่ชายหนุ่มชื่อ มีชิมะ โททาโร ลูกกำพร้าของเพื่อนที่สิขะกุรับมาเลี้ยงหลังสงคราม ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้ดำเนินขั้นตอนทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วเมื่อไปถึงสถานเกิดเหตุก็คือหนุ่มน้อยมิชิมะ โททาโรผู้นี้นี่เอง
ศพได้ถูกผ่าชันสูตรที่คามิซุวะ จากนั้นได้รับการฌาปนกิจ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ แม้สภาพโดยรอบและผลการตรวจของแพทย์จะบ่งชี้ว่า ดูเหมือนหลังจากชิชะกุออกจากบ้านในวันที่ 1 มีนาคมได้เดินทางไปที่เกิดเหตุและดื่มโพแทสเซียมไซยาไนด์ในทันที ทว่าร่างไร้วิญญาณของเขากลับแทบไม่เน่าเปื่อยเลย แน่นอนว่ารูปร่างหน้าตายอมเปลี่ยนไปบ้างแต่ถึงกระนั้นยังรักษารูปลักษณ์เดิมพอที่บุตรสาวในปัจจุบัน พี่เขย และหลานชายจะแยกแยะได้ว่าคือซูบากิ (slot)ชิระกุในแวบแรกที่เห็นกล่าวกันว่าน่าจะเป็นเพราะอากาศหนาวเย็นของบริเวณนั้นช่วยทำให้ศพไม่เน่าเปื่อย
อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/