money6
ล่องไพร ภาค 3 จามเทวี ตอนที่ 2 ยิงปลา
ท่ามกลางความตะลึงงันของทุกคนนั่นเองเสียงหนานคำปันสั่นและแหบพรึมพรำขึ้นว่า "เป็นมาแท้แล้ว นายจักยะได้ข้อยให้เซ่นไหว้เป็นนายบ่เซ่น" "แกว่าอะไรของแกคําปัน" ร.อ.เรืองหันมาถามที่ตาเกิ้น "มันว่านายเข้ามาในป่านี้ไม่เซ่นไหว้เจ้าป่าหรือเทพารักษ์จึงบันดาลให้เกิดอาเพศไป"
ข้าพเจ้า "อ้าวก็เหล้าหนึ่งขวดไก่หนึ่งตัวที่ฉันให้ตาเกิ้นไปเมื่อออกจากหมู่บ้านสุดท้ายที่เขาใหญ่ล่ะ"
ตาเกิ้น "ตาเกิ้นนึกว่านายให้เป็นรางวัลสองคนกับอ้ายคำปันเลยเป็นเจ้าเสียเอง"
ข้าพเจ้าได้ฟังก็หัวเราะ "ก็ดีแล้วนี่เกิดอะไรขึ้นหรือเป็นอะไรไปคำปันกับตาเกิ้นรับผิดชอบทั้งสองคน"
คำปัน "ข้อยบ่ฮู ข้อยบ่หันคำปันกลัวเป็นแต้น้อ" "อะไรกันฮึคำปันใครที่แกกลัว ?" ข้าพเจ้าตั้งกระทู้
คำปัน "เจ้าแม่เหนือหัวจามเทวีทุกคนเข้ามาในป่านี้เซ่นไหว้จุดธูปจุดเทียนบูชาแล้วเป็นมาให้เห็นเซ่นไหว้เป็นปให้เห็นตัว" ยิงปลา
ร.อ.เรือง "แต่เราได้ยินเสียงกลองเสียงกลองของใครกันคำปัน?"
คำปัน "นั่นแลจามเทวีเสด็จออก จามเทวียังปรานีนายเป็นคนอื่นบุญวาสนาน้อยถูกช้างเหยียบตายหรือหัวกุดแล้ว"
"ก็ใครกันล่ะ จามเทวีนี่นะ?" ข้าพเจ้าสงสัย คำปัน "โอ้ย นายใคร ๆ เมืองนี้รู้จักจามเทวีทั้งนั้นใคร ๆ ผ่าน ดงพญาไฟต้องขอให้จามเทวีคุ้มครองป้องกันภัยทุกคน นายมาแต่เมืองล่างบ่สู้จักเมืองบนหนนี้จามเทวีเมตตาหนหน้าจามเทวีจะใช้ช้างถีบตายเซ่นไหว้จามเทวีเสียนาย จามเทวีเป็นเจ้าแม่เหนือหัวเสือช้างทั้งหลายไม่ว่าคนว่าสัตว์ในดงนี้ต้องเชื่อฟังจามเทวีทั้งนั้น" ยิงปลา
ในฐานที่พวกเราเป็นคนแปลกหน้าสำหรับป่านี้นิยายปรัมปราประจำพื้นเมืองหรือความเชื่อของพวกชาวป่าอย่างหนานคำปันว่าจึงเป็นของใหม่สำหรับเรา ฉะนั้นถึงข้าพเจ้าจะขาดศรัทธาแก่กล้าอย่างเขาก็อดสนใจที่จะไต่ถามเรื่องราวเพื่อขอทราบรายละเอียดไม่ได้แต่อย่างชาวบ้านป่าทั่วไปอย่างมากที่หนานคำปันรู้ก็แต่เพียงว่าศรัทธาในเรื่องเจ้าแม่จามเทวีมีอยู่ในภูมิภาคนั้นก่อนที่เขาจะลงมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่เชิงเขาใหญ่ในวัยรุ่นจนกระทั่งวัยกลางคนเสียอีก ถึงพวกลูกหาบทุกคนก็เหมือนกันไม่มีใครรู้ประวัติดั้งเดิมว่าเจ้าแม่จามเทวีเป็นใคร? มาแต่ไหน? และเมื่อไหร่ ? บอกได้แต่ว่าเชื่อถือกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายายแล้วถึงอภินิหารซึ่งเจ้าแม่องค์นั้นมีอยู่เหนือชีวิตคนและสัตว์ทั้งหลายในป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
10 วันในดงพญาไฟนับแต่ก้าวลงจากสถานีคลองไผ่และข้ามเหวตาบัวมาความแห้งแล้งของป่าและการขาดแคลนสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ ทั้งที่จะใช้เป็นอาหารและเป็นที่ระลึกทำให้เราอดหลากใจไม่ได้อยู่แล้วถึงข่าวความอุดมสมบูรณ์ของมันซึ่งเราได้รับจากมิตรสหายบางคนก่อนการตัดสินใจออกเดินทางครั้งนี้ 10 วันเต็ม ๆ เราไม่เจออะไรที่มีค่าควรแก่ การยิง 10 วันเต็ม ๆ เราพบแต่ฝูงลิงและค่าง แม้แต่ช้างซึ่งคนไหนคนนั้นบอกว่าหลีกแทบไม่พ้นก็ยังไม่เห็นเจอ จนกระทั่งในคืนนี้เป็นไปได้ละหรือว่าการละเลยของเราต่อเจ้าแม่จามเทวีอย่างจริงจังนำมาซึ่งผลดังกล่าว ข้าพเจ้านึกยิ้มอยู่ในใจ เพียงแต่มิได้แสดงความคิดเห็นออกมา แม้กระนั้นปรากฏการณ์ที่เราพบเห็นแก่ตาและเสียงกลองที่เราได้ยินแก่หูก็ยากที่จะลืมเลือนหายไปจากความทรงจำง่าย ๆ และในฐานะที่เราใช้ชีวิต *ป่ามาด้วยกันเป็นเวลานาน ข้าพเจ้ารู้ว่าร้อยเอกเรือง และตาเกิ้นก็คงกำลังคิดความคิดเดียวกันกับข้าพเจ้าเป็นแน่ที่เดียว
ประมาณยามสี่ของคืนเดียวกันนั้นขณะที่ทุกคนกลับหลับไปได้โดยสงบเช่นนั้นนั่นเอง ข้าพเจ้าสะดุ้งตื่นขึ้นอีก คราวนี้ด้วยการปลุกของร้อยเอกเรืองท่ามกลางความมืดภายในเต็นท์นั้น ข้าพเจ้ารู้สึกว่ามือของเขาสั่นเสียงที่พูดก็แผ่วกระซิบ "ขอโทษผมเถอะคุณศักดิ์แต่ผมทะลึ่งนอนลืมตาตื่นอยู่คนเดียวไม่ ไหว"
ข้าพเจ้า "อ้าว เป็นอะไรไปอีกล่ะครับคุณเรือง ?" ยิงปลา
ร.อ.เรือง "อ้ายเสียงกลองบ้ากลองบอเหมือนเปิงพรวดแห่ศพนะพอทนได้แต่เสียงเสียงนั่นซีผมทนไม่ไหว"
"เสียงอะไรกันนอกจากนกระวังไพร ผมไม่เคยได้ยินเสียงอะไรเลยคิดอะไรมากไปน่ะคุณเรือง”
ร.อ.เรือง "คราวแรกผมก็เข้าใจว่าเป็นอย่างที่คุณบอกเหมือนกันหรือมิฉะนั้นก็ฝันไปแต่ถึงเวลานี้ก็ยังได้ยินเสียงนั้นไม่หาย ฟังดู...ฟัง กำลังดังห่างออกไปแต่ก็ยังได้ยิน...ฟัง คุณศักดิ์"
เสียงนกระวังไพรซึ่งร้องมาจากชายป่าตรงข้ามเป็นสิ่งแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินถนัด ต่อมาก็เสียงหมาในซึ่งห่างออกไป แล้วก็เสียงกบเสียงเขียดในลำห้วยจวนจะหัวเราะและปัดเรื่องทั้งหลายที่ร้อยเอกเรืองเล่าไปเป็นเรืองเหลวไหลก็พอดีหูแว่วได้ยินเสียงนั้นชั้นแรกคิดว่าเกิดจากอุปาทานหรือเสียงลมในยามดึกลอดมาระหว่างกิ่งไม้แต่ภายในไม่ถึงนาทีก็แน่ใจว่า เป็นความจริง ยิงปลา
เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้หญิงครวญคร่ำรำพันเพลงซึ่งข้าพเจ้าไม่ “เข้าใจเนื้อร้องแต่ทำนองไพเราะอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แว่วอยู่ในอากาศท่ามกลางเสียงกลองซึ่งดังมาแต่ไกล ชั่วขณะหนึ่งข้าพเจ้าอดคิดไม่ได้ว่าดังมาจากเนินเขาตอนบน ชั่วขณะต่อไปเหมือนแว่วมาจากยอดตะเคียนซึ่งเป็นประกายอยู่ใต้แสงดาวประกายพรึกแต่ในที่สุดก็บอกไม่ถูกว่าดังมาจากไหนรู้สึกเหมือนมันลอยอยู่ในอากาศรอบ ๆ กาย ประเดี๋ยวใกล้ประเดี๋ยวไกลแต่พร้อม ๆ กับแสงทองเรื่อรำไรขึ้นที่ขอบฟ้าเหนือฝั่งห้วยตรงข้ามเป็นสัญญาณถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ทั้งเสียงเพลงและเสียงกลองก็ค่อยๆ แผ่วหายไปทิ้งแต่ป่าที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำค้างและร่างซึ่งสั่นสะท้านของเราไว้แต่ลำพัง
อ่านเพิ่มเติมได้ที https://moneyslotxo.cc/